มีเอนทรี่แบบเดียวกันนี้ ณ Exteen
To dispel a worry – CANCEL–
——————————————
毎朝で 目が覚めるとき
一番に聞こえたのは
激しい声だった
ทุกเช้าที่ฉันลืมตาตื่นขึ้นมา
อย่างแรกที่จะได้ยินคือ
..เสียงที่เต็มไปด้วยความรุนแรง
——————————————
เด็กผู้หญิงผู้เติบโตขึ้นมาด้วยคำว่า
“ ความผิดพลาด “
บนระเบียงหน้าต่างเปิดรับเสียงเพลงที่คลอมาพร้อมมสายลมร้อนพัดจนเหนียวตัว
แสงแดดยามกลางวันร้อนเป็นสีขาวทำให้ดวงตาพร่ามัว จนมองอะไรไม่เห็น
จู่ๆนกร้องเสียงสูงโวยวายอย่างน่าประหลาด ราวกับว่ากำลังกรีดร้อง
โลกนี้อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้หรืออาจะร้อนจนคลั่งไปแล้วก็ได้
กลิ่นคาวเหม็นฟุ้งทำให้รู้ สะอิดสะเอียดอย่างบอกไม่ถูก
มาผสมกับกลิ่นน้ำหอมที่ ยากจะพูดว่าไม่คุ้นเคย
ไม่ที่เลือกสถานที่ทำกับทุกคน ไม่เลือกหน้า
อยากออกไปจากที่นี้ไปในพื้นที่ ที่ไม่มีใครรู้จัก
ไม่อยากที่จะทนอยู่ ในบ้านหลังนี้ อยู่ในห้องก็เหมือนกับ
สาธารณ หรือ จะอยู่ที่ไหน ก็มีแต่การพูดฉันดีเขาร้ายเสมอ
ถือเป็นข้อเสีย เรื่องปกติของมนุษย์ทั่วไปนี่นา แสดงว่าปกติสุขสินะ
ในที่สุดก็ไม่เข้าใจตัวเอง มายืนบ่นพึมพำอยู่ตรงนี้เลยหรือจริงๆที่นกร้อง
เพราะหัวเราะ ตัวเองที่นั่งโง่ ตากแดดตอนกลางวัน ในฤดูร้อนแบบนี้กันนะ
แสงแดด ไม่ยอมลดดีกรีเหมือน โดนแสงแดดเยาะเย้ยอย่างไงอย่างนั้นก็ว่าได
.
.
.
ในที่สุดก็ยอมแพ้กับแดดที่เหมือนคิดจะเผาตัวเองให้แห้งตายในดาบเดียว เลยต้องเดินหนีเข้าห้องของตัวเอง ปิดม่านปิดหน้าต่าง จากนั้นก็หยุดมองแดดอีกสักที่หนึ่ง ….แดดแบบนี้ควรปิดให้รอบห้องเลยดีกว่า
.
.
ตัดให้ไร้ซึ้งเนื้อใย–ว่าไปนั้น..
แต่อย่างน้อยถึงจะโกรธ แสงแดด
แต่เราก็ไม่ได้โกรธแสงไฟ.. อย่าเก็บเขาไว้ให้ไร้ประโยชน์
.
.
คิดได้แบบนั้นก็กวาดสายตามองไปบนชั้นวางของ กดรีโมทเพื่อเปิดไฟเพิ่มความสว่างในห้องแล้วก็เหลือบมองรีโมทแอร์อย่างมีความหวังอีกครั้ง อากาศวันนี้มันร้อนจริงๆ แต่พอจะหยิบรีโมท ภาพบางอย่างก็หวนคืนเหมือนถูกหวดโฮมรันตีสวนขึ้นมาแว่บนึง..แล้วจากไปเพื่อที่จะวิ่งให้ทั่วสนาม
.
.
……..อึ่ย …อย่าเลยดีกว่า…
.
.
คิดแล้วก็ถอดใจเลยจะไปหาน้ำเย็นๆดื่มสักหน่อย แต่พอเหลือบไปเห็นมือถือรุ่นทัชสกรีนรูปผลไม้ที่ทำให้หัวไอแซกโนมาแล้ว ก็กลายเป็นไอโฟนกันเลยทีเดียวค่ะ เหมือนโยนความคิดที่จะไปดับกระหายนั้นทิ้ง ตัวกลับเดินไปลูบหน้าจอมือถือนั้นเบาๆ คล้ายที่จะปลุก เพราะไม่ได้ยุ่งกับเครื่องนั้นนาน แถมหน้าจอยังดับอีก
.
.
แต่โดนตอกกลับด้วยเสียงอันทรงพลัง แต่ร่าเริง อา…
.
ตั้งแต่แรกเจอแล้วล่ะ.. ที่ “ยูสึเกะ” พูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้น่ะ ไม่รู้ว่าทำไม แต่จำได้แม่นยำเลยล่ะ…อา นั้นสินะคะ ใครล่ะจะลืมลง ในเมื่อ….จู่ๆก็มีไวรัสเข้ามาในไอโฟนของตัวเอง แถมยัง..พูดจาน่าอายแบบนั้นออกมาไม่หยุดอีก แถมยัง..บอกว่าตัวเองเป็นของเขาอีก..ถึงจะมารู้ที่หลังก็เถอะว่าเรียกแบบนั้นกับทุกคน ..แต่ตอนแรกรู้สึกคิโม่ยไม่เบาเลย… แต่พออยู่นานๆเข้าไป –คนเราเขาไม่ควรที่จะตัดสินใจด้วยคำพูดคำจาสินะคะ….
.
.
เอ๋? รึเปล่านะ..
.
จากนั้นก็โดนเสียงอันทรงพลังนั้นเรียกให้สะดุ้ง เผลอนึกย้อนอดีตเหมือนคนแก่ไปซะได้ แต่เห็นอีกฝ่ายอารมณ์ดี ชวนคุยเจื้อแจ๋วไม่หยุด อดที่จะสงสัยไม่ได้ ทั้งๆที่ตอนนี้อุณหภูมิแทบจะทำให้น้ำที่วางไว้เฉยๆเดือดได้แล้วแท้ๆยังร่าเริงได้อยู่นี่…
.
..อากาศในนั้นท่าทางจะเย็นสินะคะ…
….ใครอิจฉาคะ..ไม่มีหรอกค่ะ……………
.
พอเริ่มน่าอิจฉ–… พอเริ่มคุยกันได้ไม่นาน เสียงสนทนาจากอีกฝั่งของห้องที่เพิ่งเงียบไปเมื่อครู่ก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง เสียงคุยกันเหล่านั้นทำให้เธอต้องรีบร้อนรนที่จะเอาหมอนมาอุดหน้าจอมือถือราคาแพงที่คุยจ้อไม่หยุดด้วยความลนลาน ถึงแม้จะรู้สึกผิด แต่เวลานี้ควรทำตัวเงียบจนเหมือนไร้ตัวตนให้มากที่สุดจะดีกว่า
.
การพูดคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน กลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งกระจายจนได้กลิ่นมาถึงอีกห้อง คล้ายจะปกปิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะสิ้นสุดด้วยเสียงเปิดประตูเดินออกมา พร้อมกับเสียงส้นสูงที่เหยียบพื้นอย่างมั่นคง
มีเสียงของผู้หญิงที่หัวเราะอย่างแผ่วเบาคล้ายจะเนียมอายแต่ฟังแล้วทำให้ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก แน่นอนผู้หญิงคนนั้นคงไม่ได้เป็นบ้าหัวเราะคนเดียว เสียงผู้ชายที่สอดแทรกออกมาดังกว่าฝ่ายหญิง แยกเป็นคำไม่ออกว่าพูดเรื่องอะไรกัน แต่ถึงจะฟังออกยังไง ก็ไม่อยากจะฟังอยู่ดี..
.
.
อา นึกว่าจะไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้นแล้วล่ะค่ะ
.
พยายามที่จะถอนหายใจให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามที่จะไม่ทำสายตาเคลือบแคลงใส่คนเป็นแม่ ถึงแม้หล่อนจะมองไม่เห็น แต่เธอรู้ว่ายังไงก็ไม่ควร เมื่อได้ยินเสียงทั้งสองคนเดินออกห่างไปเรื่อยๆจนอยู่นอกตัวบ้าน เธอจึงยื่นหน้าออกไปมอง ก็พบกับเสียงหัวเราะแหลมลั่นขึ้นมาถึงข้างในตัวบ้าน พร้อมกับภาพที่บาดตาจนต้องเบือนหน้าหนี …ดูท่าทาง คนพวกก็นั้นจะไม่รู้จัดจบไม่สิ้นกันจริงๆ..
.
อย่างน้อยพวกเขาน่าจะเบื่อกันบ้าง…
ดึงม่านให้ชิดกันอีก พยายามลบภาพบ้าๆเมื่อกี้ออกจากความทรงจำ สุดท้ายเสียงอู้อี้คล้ายจะอึดอัดที่ดังอยู่บนโต๊ะ ก็ทำให้เธอลบภาพเมื่อกี้ได้ ใช่..เธอลืมไป ว่าปล่อยมือถือของตัวเองให้โดนหมอนกดอยู่แบบนั้น
.
.
เกือบจะได้เป็นฆาตกรซะแล้ว
…ข้อหาฆ่ามือถือตัวเองตาย นี่ต้องจำคุกกี่ปีคะ
.
รู้ว่าการขอโทษพร่ำเพรื่อไม่ใช่เรื่องดีนัก.. แต่การปล่อยให้มือถือตัวเองงอนก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน ต้องเล่นบทแม่แง่พ่องอนอยู่นาน กว่าจะกล่อมให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นได้ ก็เล่นซะเธอเหนื่อย..
.
ท้องฟ้าที่แผ่แสงแดดแรงขึ้น จักจั่นที่แผดเสียงร้องดังขึ้น ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเวียนหัว ลำคอรู้สึกขาดน้ำไปชั่วขณะ.. เธอควรไปหาน้ำดื่มจริงๆ.. แต่ตั้งแต่แรกแล้วนี่นาที่เธอจะหาน้ำดื่มน่ะ
.
แต่เธอไม่อยากจะออกไปเจอ..
……คุณพ่อ..
ตอนนี้ท่านคงอารมณ์เสียแน่ๆ เมื่อคนเป็นภรรยาของเขา……
.
.
.
อา เผลอกัดริมฝีปากอีกแล้ว ชักจะติดเป็นนิสัยเสียซะแล้วสิ.. ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะคิดมากทำไม นี่มัน..ไม่ใช่เรื่องของเธอเลยนี่นา แต่ถ้าเธอออกไปตอนนี้คงโดนพาลอารมณ์เสียใส่แน่ๆ..
.
.
ถึงจะดีใจที่มีเพื่อนใหม่เข้าในชีวิต
แต่ความสุขนั้นก็เป็นเพียงแค่ความสุขชั่ววูบ
ในเมื่อคุณแม่ที่คลอด“เรา”ออกมา คิดภาพเราแต่ในแง่ลบ
อา อย่าว่าแต่คุณแม่เลย แม้แต่คนในสายเลือดก็ยัง…
ความสุข20เปอร์เซ็น ความทุกข์ทวีคูณไป 10เปอร์เซ็น
น้ำตาที่แห้งเหือด หลั่งไปยังไงก็ไม่มีวันได้กลับคืนมา
.
เมื่อเธอซ่อนน้ำตาไม่มิด…ไวรัสหนุ่มในไอโฟนดูจะร้อนรนเมื่อเห็นน้ำตาของเธอ เขาเสนอ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ว่าไม่ลองออกไปเล่นข้างนอกปรับอารมณ์ดูหน่อยเหรอ?
.
ในตอนนั้นคันนะก็ไม่ได้รู้เลยว่า
ประโยคพูดที่ยูสึเกะชักชวนเธอออกไปข้างนอก
จะเกิดเหตุการณ์ที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของเธอ
โดยการนำพาเธอไปพบกับหญิงสาวคนหนึ่ง..
ซึ่งผู้หญิงคนนั้น
.
เด็กผู้หญิงผมสีชบาอ่อนที่มัดรวบไว้เป็นก้อนดังโงะ
เด็กผู้หญิงที่ดูๆเป็นคนธรรมดาทั่วไป
แต่สีตาของเธอคนนั้น
กลับเป็นสีแดง
その名前は
小さな 克己 だった
ชื่อของเธอ
จิซานะ คาสึมิ
——————————————
P.S.1 บทย่อแรก..ตั้งใจจะพิมพ์ไม่ให้งงๆเนื้อหา
P.S.2 มีข้อความซ่อนอยู่ในย่อแรก..สาเหตุของP.S.1